JM Hot News - шаблон joomla Окна

ข้อบังคับสมาคมนิสิตเก่าและบุคลากร วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 25
66 (ปรับปรุง)

หมวดที่ 1 (ความทั่วไป)

 ข้อ 1    สมาคมนี้มีชื่อว่า "สมาคมนิสิตเก่าและบุคลากรวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ใช้อักษรย่อว่า สนบวส. มีชื่อภาษาอังกฤษว่า
                    "College of Public Health Sciences, Chulalongkorn University Alumni and Personnel Association " ใช้อักษรย่อว่า CPHSAPA

 

ข้อ 2    เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นตราสัญลักษณ์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอักษรย่อของ สมาคมภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่างซ้าย-ขวา และมีอักษรชื่อเต็มของสมาคมเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่าง

             

ข้อ 3    สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ เลขที่ 254 วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารสรรพศาสตร์วิจัย ชั้น 12 ถนน พญาไท แขวงวังใหม่  เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ10330*

 

ข้อ 4    วัตถุประสงค์ของสมาคม

4.1   ส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างสมาชิก
4.2   ส่งเสริมสนับสนุนกิจการและเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4.3   ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและสังคมโดยรวม
4.4   เพื่อดำเนินการ หรือร่วมมือกับองค์การกุศล เพื่อการกุศลและองค์การสาธารณประโยชน์เพื่อสาธารณประโยชน์
4.5   ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

 


หมวดที่ 2 (สมาชิก)

          ข้อ 5    สมาชิกของสมาคมมี 3 ประเภท คือ*     5.1   สมาชิกกิตติมศักดิ์     5.2   สมาชิกสามัญ     l  5.3   สมาชิกวิสามัญ

          ข้อ 6    สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่บุคคลที่อุปการะช่วยเหลือทำประโยชน์แก่สมาคม หรือผู้มีเกียรติที่คณะกรรมการเห็นสมควร เชิญเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์

          ข้อ 7   สมาชิกสามัญได้แก่ ผู้บริหาร บุคลากร ซึ่งปฏิบัติงานประจำในวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน   
                    รวมทั้งนิสิตเก่า ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และสมาชิกวิสามัญ ได้แก่ นิสิตปัจจุบัน ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย*

          ข้อ 8    สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

          8.1   เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว   l     8.2   เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย      8.3   ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

          8.4   ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท
                  หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

          ข้อ 9    ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม*

9.1   สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น

9.2   สมาชิกสามัญ มิต้องเสียค่าลงทะเบียน แต่เสียค่าบำรุงสมาคมตลอดชีพ 1,000 บาท

9.3   สมาชิกวิสามัญ มิต้องเสียค่าลงทะเบียน แต่เสียค่าบำรุงสมาคมตลอดชีพ  1000บาท
       โดยให้ชำระค่าบำรุงภายในช่วงเวลาที่เป็นนิสิตของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเมื่อสำเร็จการศึกษา
       จะได้ปรับสถานฐานะภาพ เป็นสมาชิกสามัญภายใน 30 วัน โดยมิต้องเสียค่าบำรุงสมาคมตลอดชีพเพิ่มเติมอีก

 

          ข้อ 10  การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม*

  10.1 กรณีสมาชิกกิตติมศักดิ์ สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ได้มาถึงสมาคม
  10.2

กรณีสมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญ ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อให้สมาชิกอื่นๆของสมาคมจะได้คัดค้านการสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ให้เลขาธิการนำใบสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครแล้ว ผลเป็นประการใดให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็วถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าบำรุงสมาคมให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขาธิการ และให้สมาชิกภาพของผู้สมัคร ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าบำรุงสมาคมภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก

 

          ข้อ 11  สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

11.1    ตาย

11.2    ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย

11.3    ขาดคุณสมบัติสมาชิก

11.4    ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

          ข้อ 12  สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

12.1    มีสิทธิประดับตราเครื่องหมายของสมาคม

12.2    มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

12.3    มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

12.4    มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

12.5    มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

12.6    สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมและมีสิทธิออกเสียงลงมติต่างๆในที่ประชุมได้คนละ 1 คะแนนเสียง

12.7    มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

12.8    มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งในสามของสมาชิกสามัญทั้งหมดร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

12.9    มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด

12.10   มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม

12.11   มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่างๆของสมาคม

12.12   มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

12.13   มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

 


หมวดที่ 3 (การดำเนินการสมาคม)

         

ข้อ 13  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมมีจำนวนอย่างน้อย    7  คน  อย่างมากไม่เกิน 15 คน
คณะกรรมการนี้ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการแต่งตั้งของนายกสมาคม ให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ของสมาคม  ตามที่กำหนดไว้ โดยนายกสมาคมต้องเป็นสมาชิกสามัญ 
และเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ตำแหน่งของกรรมการสมาคม มีตำแหน่งและหน้าที่ โดยสังเขป ดังต่อไปนี้*

  13.1 นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของสมาคม
  13.2 อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการของสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่ที่นายกสมาคมได้มอบหมาย และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
  13.3 เลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
  13.4 เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
  13.5 ปฏิคม มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคมและจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆของสมาคม
  13.6 นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
  13.7 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
  13.8 กรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลางสำหรับคณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้งประกอบด้วย นายกสมาคมและกรรมการอื่นๆ ตามจำนวนที่กำหนดในข้อบังคับ

 

          ข้อ 14  คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
                    ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการและเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
                    ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ

          ข้อ 15  ตำแหน่งกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ ก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น
                     แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น และถ้าเป็นตำแหน่งนายกสมาคมว่าง ก็ให้คณะกรรมการเลือกกันเองเป็นนายกสมาคม

          ข้อ 16  กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ

16.1    ตาย

16.2    ลาออก

16.3    ขาดจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับและตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้

16.4    ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

16.5    เป็นผู้มีความประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสียและคณะกรรมการสมาคมมีมติให้ออก โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการของสมาคม

          ข้อ 17  กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการมีมติให้ออก

          ข้อ 18  อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ

18.1    มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่างๆเพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้

18.2    มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

18.3    มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้
          ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

18.4    มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ

18.5    มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

18.6    มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

18.7    มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

18.8    มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่สมาชิกจำนวนหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น
           ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

18.9    มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่างๆของสมาคม
           ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ

18.10   จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

18.11   มีหน้าที่อื่นๆตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

ข้อ 19  คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง โดยให้จัดขึ้นภายในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม เดือนมกราคม  เดือนเมษายน และเดือนกรฎาคม ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม

ข้อ 20  การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุมมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์
           แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 21  ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 


หมวดที่ 4 (การประชุมใหญ่)

ข้อ 22  การประชุมใหญ่ของสมาคมมี 2 ชนิด คือ

22.1    การประชุมใหญ่สามัญ

22.2    การประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ 23  คณะกรรมการจะต้องจัดให้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีๆละ 1 ครั้ง ภายในเดือนเมษายนของทุกๆปี

ข้อ 24  การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้ก็ด้วยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยคน หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในข้อบังคับจะทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการของสมาคมให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญก็ได้ ในหนังสือร้องขอนั้นต้องระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุมเพื่อการใด

เมื่อคณะกรรมการของสมาคมได้รับหนังสือร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญตามวรรคแรก ให้คณะกรรมการของสมาคมเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ โดยจัดให้มีการประชุมขึ้นภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ

ถ้าคณะกรรมการของสมาคมไม่เรียกประชุมภายในระยะเวลาตามวรรคสอง สมาชิกที่เป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมหรือสมาชิกอื่นรวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนสมาชิกที่กำหนดตามวรรคแรกจะเรียกประชุมเองก็ได้

ข้อ 25  การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลาและสถานที่ให้ชัดเจนโดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า7 วัน ก่อนถึงกำหนดประชุมใหญ่ หรือลงพิมพ์โฆษณาอย่างน้อยสองคราวในหนังสือพิมพ์ที่แพร่หลายในท้องที่ฉบับหนึ่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วันก็ได้

ข้อ 26  การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

26.1    แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

26.2    แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

26.3    เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ

26.4    เลือกตั้งผู้สอบบัญชี

26.5    ตรวจสอบทะเบียนสมาชิกให้เป็นปัจจุบัน

26.6    เรื่องอื่นๆ ถ้ามี

ข้อ 27  การประชุมใหญ่สามัญประจำปีหรือการประชุมใหญ่วิสามัญ ต้องมีสมาชิกสามัญมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งหรือไม่น้อยกว่า 30 คน จึงจะครบองค์ประชุม หากถึงกำหนดเวลาการประชุมแล้วสมาชิกยังไม่ครบองค์ประชุม ถ้าการประชุมใหญ่ครั้งนั้นเป็นการประชุมใหญ่ตามคำเรียกร้องของสมาชิกก็ให้งดประชุมแต่ถ้าเป็นกรณีการประชุมใหญ่ที่คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้เรียกประชุม ก็ให้เรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีการประชุมขึ้นภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก การประชุมครั้งหลังนี้ไม่บังคับว่าจะต้องครบองค์ประชุม

ข้อ 28  การลงมติต่างๆในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น นอกจากจะบังคับไว้เป็นอย่างอื่น มติของที่ประชุมใหญ่ ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 29  ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 


หมวดที่ 5 (การเงินและ ทรัพย์สิน)

ข้อ 30  รายได้และทรัพย์สินของสมาคม ได้มาจาก

30.1    ค่าบำรุงสมาคม

30.2    การบริจาค

30.3    ผลประโยชน์จากเงินรายได้และการจัดการทรัพย์สิน

30.4    รายได้อื่น

ข้อ 31  การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารหรือสถาบันการเงินรายใดๆตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เงินสดส่วนหนึ่งให้นำฝากธนาคารประเภทเงินฝากประจำ หรือกระทำการอื่นใดที่จะก่อให้เกิดดอกออกผล ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร เว้นแต่กรณีเงินบริจาคซึ่งผู้บริจาคได้กำหนดเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่น

ข้อ 32  การงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินให้จัดสรรเงินรายได้ ณ สิ้นปีบัญชี ให้มีสัดส่วนเป็นเงินสะสมคงยอดเงินต้น ไม่น้อยว่าร้อยละสามสิบของเงินรายได้ทั้งหมด ที่เหลือให้เป็นเงินสะสมหมุนเวียนให้ปีงบประมาณและปีบัญชี เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน ของทุกปีการเบิกจ่ายเงิน ต้องมีงบประมาณประจำปีรองรับ เกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการ

ข้อ 33  ให้คณะกรรมการใช้จ่ายภายในวงเงินประมาณการรายจ่ายประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นให้สามารถใช้จ่ายนอกเหนือจากวงเงินประมาณการรายจ่ายไม่เกินดุลร้อยละสิบของงบขาดดุลและแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่สามัญทราบ

ข้อ 34 การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนลง

นามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขานุการ พร้อมกับประทับตราของสมาคม จึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ 35  ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน 100,000.00 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ และคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 1,000,000.00 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

ข้อ 36  ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน 10,000.00 บาท (หนึ่งหมื่นบาท) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ 37  เหรัญญิกจะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่ายและบัญชีงบดุลให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิก หรือผู้ทำการแทน พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง ไว้เพื่อการตรวจสอบและหลักฐานนั้นให้เหรัญญิกเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะทำลายได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

ข้อ 38  ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมและจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ 39  ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเชิญกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ 40  คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

 


หมวดที่ 6 (การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม)

ข้อ 41  ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ 42  การเลิกสมาคม จะเลิกได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

ข้อ 43  เมื่อสมาคมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อประโยชน์ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 


หมวดที่ 7(บทเบ็ดเตล็ด)

ข้อ 44  การตีความข้อบังคับของสมาคม หากเป็นที่สงสัยให้ที่ประชุมใหญ่โดยเสียงข้างมากของที่ประชุมชี้ขาด

ข้อ 45  ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคมมาใช้บังคับ ในเมื่อข้อบังคับ

ของสมาคมมิได้กำหนดไว้ และหากมีข้อบังคับใดขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็ให้ถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ข้อ 46  สมาคมต้องไม่ดำเนินการหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน หรือเพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อดำเนินการ

ตามวัตถุประสงค์ของสมาคมเอง

 


หมวดที่ 8(บทเฉพาะกาล)

ข้อ 47  ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติ

บุคคลเป็นต้นไป

ข้อ 48  เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมด

เป็นสมาชิกสามัญและสมาชิกภาพของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันจดทะเบียนเป็นต้นไป


 

รับรองโดยนายกสมาคมนิสิตเก่าและบุคลากร วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบัน)

 วันที่  18 ตุลาคม 2566
 *  แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ทะเบียนเลขที่  จ.5211/2566 (สค5) 16 ตุลาคม 2566